บทความที่ได้รับความนิยม

20 ก.ค. 2556

"แกงเผ็ดเป็ดย่าง" ทานเป็ดอย่างเดียวก็เลี่ยน ทานแกงเผ็ดก็จัดจ้านไป ทำอย่างไรให้ลงตัว

แกงเผ็ดเป็ดย่าง (สูตรนี้สำหรับ 2-3 ที่ค่ะ)
มาแล้วค่ะ Review สูตรทำแกงเผ็ดเป็ดย่าง ก่อนดูสูตรเรามารู้จักแกงชนิดนี้กันก่อนนะคะ
แกงเผ็ดเป็ดย่าง เป็นแกงโบราณค่ะ คงประยุกต์ เป็ดย่าง ที่เป็นของจีน กับแกงเผ็ดรสจัดของไทยให้มีรสชาดกลมกล่อมขึ้น ด้วยการใส่ ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน เช่น ระกำ หรือสัประรด พอมาเป็นสมัยนี้ ระกำคงหายากขึ้น หรือชื่อดูระกำช้ำใจเกินไปก็ไม่รู้ คุณกุ๊ก สมัยใหม่เลยประยุกต์ใช้ผลไม้ที่หาได้ง่ายตามตลาดติดแอร์มาใช้แทน เช่น ลิ้นจี่ องุ่น เป็นต้น  
ส่วนสามาเหตุที่แม่ครัวฝึกหัดอย่างตาลหัดทำก็เพราะว่าคุณพี่หมีของตาลชอบเจ้าแกงชนิดนี้มากทีเดียวค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าแจ้งแกงชนิดนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว การใส่มะเขือเทศและผลไม้รสเปรี้ยวช่วยลดความเลี่ยนจากเป็ดย่างที่ค่อนข้างมีมันมาก และปรับรสชาติแกงเผ็ดที่ปกติต้องเผ็ดและเค็มนำ ให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น เหมาะกับรสนิยมคุณหลวงยุคมิลเลเนี่ยมอย่างพี่หมีมากขึ้นค่ะ  
 

รู้จักหน้าค่าตา และที่มาที่ไปกันแล้ว มาดูสูตรกันเลยนะคะ
ส่วนผสม
1. เป็ดย่างประมาณ                             200         กรัม (ตาลใช้เป็ด MK กล่องเล็ก 1 กล่องค่ะ)
2. น้ำพริกแกงเผ็ด                                 1              สูตร        
3. กะทิสด                                              500         กรัม (แยกหัวและหาง)
4. มะเขือเทศสีดา                                  8-10       ลูก
5. ลิ้นจี่สดปอกเปลือกคว้านเมล็ด      8-10       ลูก
6. ใบมะกรูดฉีก                                     5              ใบ
7. พริกชี้ฟ้าแดงแกะเม็ดหั่นแฉลบ       1              เม็ด
8. ใบโหระพา                                         ½             ถต.
9. น้ำตาลปี๊บ                                         ½             ชต.
10. น้ำปลาดี                                         1              ชต.

ส่วนผสมน้ำพริกแกงเผ็ด
1.       พริกแห้งแช่น้ำให้นิ่มแกะเมล็ด     10           เม็ด
2.       ข่า                                                   3              แว่น
3.       ตะไคร้ซอย                                     2              ต้น
4.       หอมเล็ก                                         2              หัว
5.       กระเทียมไทย                                 1              ชต.
6.       ลูกผักชี                                           1              ชช.
7.       ยี่หร่า                                              1              ชช.
8.       ผิวมะกรูด                                       5              แว่น
9.       เปราะหอม                                     5              แว่น
10.   กะปิ                                                                1              ชช.

วิธีทำ
1. เตรียมพริกแกง ใส่ทุกอย่างลงใน Food processer ปั่นจนเนียน หรือ ถ้าใช้ครกให้โขลกของแห้งก่อน แล้วค่อยใส่ของสด ใส่เกลือเม็ดนิดหน่อยจะทำให้เครื่องแกงเนื้อละเอียดขึ้นค่ะ
2. ตั้งกระทะก้นลึก หรือหม้อแกง ใส่หัวกระทิครึ่งหนึ่งกับพริกแกงข้อ 1 ผัดจนกะทิแตกมัน
3. ใส่เป็ดย่าง ผัดพอเข้ากัน
4. เติมหัวกะทิที่เหลือใส่มะเขือเทศ กับลิ้นจี่ เติมหางกะทิจนได้แกงข้นตามต้องการ (แกงเผ็ดต้องมีความข้นพอสมควรค่ะ ถ้าใส่หางกะทิมากไปแกงจะใส ไม่เข็มข้นค่ะ) เติมน้ำปลาน้ำตาล ชิมรสให้กลมกล่อม เบาไฟต้มต่อประมาณ 15 นาที
6. ก่อนเสิร์ฟเร่งไฟให้เดือดใส่ใบมะกรูด โหระพา และพริกซอยแฉลบ พอผักสลดก็ปิดไฟได้ค่ะ

Tan’s Tips
1. พริกแกงตามสูตรที่ให้เป็นแบบเผ็ดปกตินะคะ ถ้าทานเผ็ดน้อยแบบบ้านตาล อาจลดเหลือพริกเม็ดกลางๆ ซัก 5-7 เม็ดก็พอค่ะ เวลาแกะเมล็ดพริกให้ลอกเอาเส้นขาวๆที่เมล็ดเกาะอยู่ออกให้หมด แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จะทำให้ได้พริกแกงที่หอมแต่ไม่เผ็ดจัดค่ะ อย่าลืมใส่ถุงมือนะคะ ตาลเคยทำแบบไม่ใส่ถุงมือ มือแดงไปหลาย ชม. เลยค่ะ แต่ถ้าไม่มีเวลาทำเอง สามารถซื้อพริกแกงเผ็ดร้านอร่อยมาแทนได้ ลองทำแล้วชิมดูว่าขาดกลิ่นอะไร ค่อยเติมเอาก็ได้ค่ะ เช่น ตาลชอบใช้นิตยาที่บางลำภู แล้วมาเติมกระเทียมกับหอมอีกนิดหน่อย การซื้อพริกแกงอาจมีปัญหาว่าถ้าใส่ตามสูตรอาจเผ็ดเกินไป แต่ถ้าทานเผ็ดได้ปกติก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ
2. มะเขือเทศสีดาที่ใช้เลือกลูกเล็กๆ เนื้อแน่นๆ ค่ะ ถ้าไม่มีมะเขือเทศสีดา สามารถใช้มะเขือเทศเชอรี่ลูกโตๆแทนได้ แต่จะออกรสน้อยกว่าค่ะ ส่วนผลไม้ที่ใช้แนะนำให้ใช้ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานที่มีเนื้อหนาพอควร เวลาต้มจะได้ไม่เละค่ะ ถ้าจะใช้สัประรด ต้องเลือกพันธุ์ที่น้ำน้อยไม่ฉ่ำจะดีกว่าค่ะ
3. น้ำตาลปี๊บ สามารถเลือกใช้ได้ทั้งน้ำตาลมะพร้าว และน้ำตาลโตนดค่ะ แต่ในฐานะหลานสาวเมืองเพชร ตาลรู้สึกว่าน้ำตาลโตนดจะให้รสหวานแหลมกว่าน้ำตาลมะพร้าวนิดหน่อย เหมาะกับใช้ทำกับข้าวรสจัดอย่างแกงเผ็ด ส่วนน้ำตาลมะพร้าวจะให้รสนุ่มนวลและมันกว่า เหมาะกับการทำขนมไทยค่ะ
4. เปราะหอม เป็นแง่ง คล้ายๆขิง แต่เล็กกว่าค่ะทำให้เครื่องแกงหอมขึ้น มีขายตามตลาดชาวบ้าน หรือที่ อตก. แต่ถ้าหาไม่ได้จะไม่ใส่ก็ได้นะคะ
5. การผัดเครื่องแกง สำคัญมากต้องผัดไฟกลาง ใจเย็นผัดจนกะทิแตกมัน ถ้าผัดเครื่องแกงไม่ดี แกงจะไม่หอม และอาจเหม็นเครื่องแกงได้ค่ะ
6. รสกลมกล่อมคือมีครบรส เค็ม เผ็ด หวาน มัน มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ทานแล้วไม่รู้สึกว่ารสใดโดดขึ้นมาค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น